วันศุกร์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

สมมติสีมาและนิมิตแห่งสีมา๑

วันอุโบสถต่างกัน
             [๑๙๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็วันอุโบสถของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ เป็นวัน ๑๔ ค่ำ ของพวกภิกษุอาคันตุกะ เป็นวัน ๑๕ ค่ำ. ถ้าพวกภิกษุเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุอาคันตุกะ พึงอนุวัตตามพวกภิกษุเจ้าถิ่น. ถ้ามีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุอาคันตุกะพึงอนุวัตตามพวกภิกษุ เจ้าถิ่น. ถ้าพวกภิกษุอาคันตุกะมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่นพึงอนุวัตตามพวกภิกษุอาคันตุกะ.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง วันอุโบสถของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ เป็นวัน ๑๕ ค่ำ ของพวกภิกษุอาคันตุกะ เป็นวัน ๑๔ ค่ำ. ถ้าพวกภิกษุเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุอาคันตุกะ พึงอนุวัตตามพวกภิกษุเจ้าถิ่น. ถ้ามีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุอาคันตุกะพึงอนุวัตตามพวกภิกษุ เจ้าถิ่น. ถ้าพวกภิกษุอาคันตุกะมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่นพึงอนุวัตตามพวกภิกษุอาคันตุกะ.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง วันอุโบสถของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ เป็นวัน ๑ ค่ำ ของพวกภิกษุอาคันตุกะ เป็นวัน ๑๕ ค่ำ. ถ้าพวกภิกษุเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่น ไม่ปรารถนาก็ไม่ต้องให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุอาคันตุกะ พวกภิกษุอาคันตุกะพึงไปนอกสีมา แล้วทำอุโบสถเถิด. ถ้ามีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุเจ้าถิ่นไม่ปรารถนา ก็ไม่ต้องให้ความสามัคคี แก่พวกภิกษุอาคันตุกะ พวกภิกษุอาคันตุกะพึงไปนอกสีมา แล้วทำอุโบสถเถิด. ถ้าพวกภิกษุ อาคันตุกะมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่นพึงให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุอาคันตุกะ หรือพึงไป นอกสีมา.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง วันอุโบสถของพวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ เป็นวัน ๑๕ ค่ำ ของพวกภิกษุอาคันตุกะเป็น ๑ ค่ำ. ถ้าพวกภิกษุเจ้าถิ่นมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุอาคันตุกะ พึงให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุเจ้าถิ่น หรือไปนอกสีมา. ถ้ามีจำนวนเท่ากัน พวกภิกษุอาคันตุกะ พึงให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุเจ้าถิ่น หรือพึงไปนอกสีมา. ถ้าพวกภิกษุอาคันตุกะมีจำนวนมากกว่า พวกภิกษุอาคันตุกะไม่ปรารถนา ก็ไม่ต้องให้ความสามัคคีแก่พวกภิกษุเจ้าถิ่น พวกภิกษุเจ้าถิ่น พึงไปนอกสีมาแล้ว ทำอุโบสถเถิด.
มุ่งความแตกร้าว
             [๑๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็พวกภิกษุอาคันตุกะในพระศาสนานี้ ได้เห็นอาการเจ้าถิ่น ลักษณะเจ้าถิ่น เครื่องหมายเจ้าถิ่น สิ่งที่แสดงเจ้าถิ่น ของภิกษุเจ้าถิ่น เตียง ตั่ง ฟูก หมอน ปูลาด จัดไว้เรียบร้อย น้ำฉัน น้ำใช้ แต่งตั้งไว้เป็นระเบียบ บริเวณกวาดสะอาดสะอ้าน ครั้นแล้วมีความสงสัยว่า พวกภิกษุเจ้าถิ่นยังมีหรือไม่มีหนอ. พวกเธอมีความสงสัยแต่ไม่เที่ยว ค้นหา ครั้นแล้วขืนทำอุโบสถ ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหาแล้ว แต่ไม่พบ จึงทำอุโบสถ ไม่ต้องอาบัติ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหาแล้วพบจึงทำอุโบสถร่วมกันไม่ต้อง อาบัติ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหาแล้วพบ ครั้นแล้วแยกกันทำอุโบสถ ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหาแล้วพบ ครั้นแล้วมุ่งความแตกร้าวว่า ขอภิกษุเหล่านั้นจงเสื่อมสูญ ขอภิกษุเหล่านั้นจงพินาศ จะประโยชน์อะไรด้วยภิกษุเหล่านั้น ดังนี้ จึงทำอุโบสถ ต้องอาบัติ- *ถุลลัจจัย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุอาคันตุกะในศาสนานี้ ได้ยินอาการเจ้าถิ่น ลักษณะ เจ้าถิ่น เครื่องหมายเจ้าถิ่น สิ่งที่แสดงเจ้าถิ่นของพวกภิกษุเจ้าถิ่น ได้ยินเสียงเท้าของภิกษุเจ้าถิ่น กำลังเดินจงกรม ได้ยินสาธยาย เสียงไอ เสียงจาม ครั้นแล้ว มีความสงสัยว่า พวกภิกษุ เจ้าถิ่นมีหรือไม่มีหนอ. พวกเธอมีความสงสัย แต่ไม่ค้นหา ครั้นแล้วขืนทำอุโบสถ ต้องอาบัติ- *ทุกกฏ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาไม่พบ ครั้นแล้วจึงทำอุโบสถ ไม่ต้องอาบัติ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วจึงทำอุโบสถร่วมกัน ไม่ต้อง- *อาบัติ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วจึงแยกกันทำอุโบสถ ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วมุ่งความ แตกร้าวว่า ขอภิกษุเหล่านั้น จงเสื่อมสูญ ขอภิกษุเหล่านั้นจงพินาศ จะประโยชน์อะไรด้วย ภิกษุเหล่านั้น ดังนี้ จึงทำอุโบสถ ต้องอาบัติถุลลัจจัย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ ได้เห็นอาการอาคันตุกะ ลักษณะ อาคันตุกะ เครื่องหมายอาคันตุกะ สิ่งที่แสดงอาคันตุกะของภิกษุอาคันตุกะ ได้เห็นบาตร จีวร ผ้านิสีทนะ อันเป็นของภิกษุพวกอื่น ได้เห็นรอยน้ำล้างเท้า ครั้นแล้วมีความสงสัยว่า พวกภิกษุ อาคันตุกะยังมีหรือไม่มีหนอ. พวกเธอมีความสงสัย แต่ไม่ค้นหา ครั้นแล้วขืนทำอุโบสถ ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอมีความสงสัย ได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วไม่พบ ครั้นแล้วทำอุโบสถ ไม่ต้องอาบัติ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วจึงทำอุโบสถ ร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้ว ได้แยกกันทำอุโบสถ ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้ว มุ่งความแตกร้าวว่า ขอภิกษุเหล่านั้นจงเสื่อมสูญ ขอภิกษุเหล่านั้นจงพินาศ จะประโยชน์อะไรด้วยภิกษุเหล่านั้น ดังนี้ จึงทำอุโบสถ ต้องอาบัติถุลลัจจัย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ ได้ยินอาการอาคันตุกะ ลักษณะ อาคันตุกะ เครื่องหมายอาคันตุกะ สิ่งที่แสดงอาคันตุกะ ของพวกภิกษุอาคันตุกะ ได้ยินเสียงเท้า ของพวกภิกษุอาคันตุกะกำลังเดินมา ได้ยินเสียงรองเท้ากระทบพื้น ได้ยินเสียงไอ เสียงจาม ครั้นแล้วมีความสงสัยว่า พวกภิกษุอาคันตุกะยังมีหรือไม่มีหนอ. พวกเธอมีความสงสัย แต่ไม่ ค้นหา ครั้นแล้วขืนทำอุโบสถ ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหา แล้วไม่พบ ครั้นแล้วจึงทำอุโบสถ ไม่ต้องอาบัติ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหา แล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วจึงได้ทำอุโบสถร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. พวกเธอมีความสงสัยได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วแยกกันทำอุโบสถ ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอมีความสงสัย ได้ค้นหา ครั้นค้นหาแล้วจึงพบ ครั้นพบแล้วมุ่งความแตกร้าวว่า ขอภิกษุเหล่านั้นจงเสื่อมสูญ ขอภิกษุเหล่านั้นจงพินาศ จะประโยชน์อะไรด้วยภิกษุเหล่านั้น ดังนี้ จึงทำอุโบสถ ต้องอาบัติ ถุลลัจจัย.
ภิกษุนานาสังวาสและสมานสังวาส
             [๑๙๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็พวกภิกษุอาคันตุกะในศาสนานี้ได้เห็นภิกษุเจ้าถิ่นมีสังวาส ต่างกัน พวกเธอกลับได้ความเห็นว่ามีสังวาสเสมอกัน ครั้นแล้วก็ไม่ไต่ถามจึงทำอุโบสถร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วไม่รังเกียจ ทำอุโบสถร่วมกัน ต้องอาบัติทุกกฏ พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วไม่รังเกียจ แยกกันทำอุโบสถ ไม่ต้องอาบัติ.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุอาคันตุกะในศาสนานี้ ได้เห็นพวกภิกษุเจ้าถิ่นมี สังวาสเสมอกัน พวกเธอกลับได้ความเห็นว่ามีสังวาสต่างกัน ครั้นแล้วก็ไม่ไต่ถาม ทำอุโบสถ ร่วมกัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วรังเกียจ แยกกันทำอุโบสถ ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วรังเกียจ ทำอุโบสถร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ ได้เห็นพวกภิกษุอาคันตุกะมีสังวาส ต่างกัน พวกเธอกลับได้ความเห็นว่ามีสังวาสเสมอกัน ครั้นแล้วก็ไม่ไต่ถาม จึงทำอุโบสถร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ. พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วไม่รังเกียจทำอุโบสถร่วมกัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วไม่รังเกียจ แยกกันทำอุโบสถ ไม่ต้องอาบัติ.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง พวกภิกษุเจ้าถิ่นในศาสนานี้ ได้เห็นพวกภิกษุอาคันตุกะมี สังวาสเสมอกัน พวกเธอกลับได้ความเห็นว่ามีสังวาสต่างกัน ครั้นแล้วก็ไม่ไต่ถาม ทำอุโบสถ ร่วมกัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วรังเกียจ แยกกันทำอุโบสถ ต้องอาบัติทุกกฏ. พวกเธอได้ไต่ถาม ครั้นไต่ถามแล้วรังเกียจ ทำอุโบสถร่วมกัน ไม่ต้องอาบัติ.
ไม่ควรไปไหนในวันอุโบสถ
             [๒๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากอาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน สู่อาวาสที่มีภิกษุไม่ครบจำนวน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มีอันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากอาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน สู่ถิ่นที่ มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุไม่ครบจำนวน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มีอันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากอาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน สู่อาวาส หรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุไม่ครบจำนวน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มีอันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน สู่อาวาสที่มีภิกษุไม่ครบจำนวน              .... สู่ถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุไม่ครบจำนวน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มีอันตราย.              .... สู่อาวาสหรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุไม่ครบจำนวน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่ มีอันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากอาวาส หรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมี ภิกษุครบจำนวน สู่อาวาสที่มีภิกษุไม่ครบจำนวน ....              .... สู่ถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุไม่ครบจำนวน ....              .... สู่อาวาสหรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุไม่ครบจำนวน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่ มีอันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากอาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน สู่อาวาส ที่มีภิกษุครบจำนวน ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกภิกษุผู้มีสังวาสต่างกัน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มี อันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากอาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน สู่ถิ่นที่ มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน อันเป็นที่อยู่ของพวกภิกษุผู้มีสังวาสต่างกัน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มีอันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากอาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน สู่อาวาส หรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน อันเป็นที่อยู่ของพวกภิกษุผู้มีสังวาสต่างกัน เว้นแต่ ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มีอันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน สู่อาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน ....              .... สู่ถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน ....              .... สู่อาวาสหรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน อันเป็นที่อยู่ของพวกภิกษุผู้มี สังวาสต่างกัน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มีอันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไม่พึงไปจากอาวาส หรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมี ภิกษุครบจำนวน สู่อาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน ....              .... สู่ถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน ....              .... สู่อาวาสหรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน อันเป็นที่อยู่ของพวกภิกษุผู้มี สังวาสต่างกัน เว้นแต่ไปกับสงฆ์ เว้นแต่มีอันตราย.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ พึงไปจากอาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน สู่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน อันเป็นที่อยู่ของพวกภิกษุที่มีสังวาสเสมอกัน ที่รู้ว่า เราสามารถจะไปถึง ในวันนี้ทีเดียว.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ พึงไปจากอาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน สู่ถิ่นที่มิใช่ อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน ....              .... สู่อาวาสหรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน อันเป็นที่อยู่ของพวกภิกษุผู้มี สังวาสเสมอกัน ที่รู้ว่า เราสามารถจะไปถึงในวันนี้ทีเดียว.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ พึงไปจากถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน สู่อาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน ....              .... สู่อาวาสหรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน อันเป็นที่อยู่ของพวกภิกษุที่มี สังวาสเสมอกัน ที่รู้ว่า เราสามารถจะไปถึงในวันนี้ทีเดียว.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ พึงไปจากอาวาสหรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุ ครบจำนวน สู่อาวาสที่มีภิกษุครบจำนวน ....              .... สู่ถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน ....              .... สู่อาวาสหรือถิ่นที่มิใช่อาวาส ซึ่งมีภิกษุครบจำนวน อันเป็นที่อยู่ของพวกภิกษุผู้มี สังวาสเสมอกัน ที่รู้ว่า เราสามารถจะไปถึงในวันนี้ทีเดียว.
วัชชนียบุคคล ในอุโบสถ
             [๒๐๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่มีภิกษุณีนั่งอยู่ด้วย รูปใด สวด ต้องอาบัติทุกกฏ.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสวดปาติโมกข์ ในบริษัทที่มีสิกขมานานั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่สามเณรนั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่สามเณรีนั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่ภิกษุผู้บอกลาสิกขานั่งอยู่ด้วย ....              ไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่ภิกษุผู้ต้องอันติมวัตถุ นั่งอยู่ด้วย รูปใดสวด ต้อง อาบัติทุกกฏ.              ไม่พึงสวดปาติโมกข์ ในบริษัทที่ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่เห็นอาบัตินั่งอยู่ด้วย รูปใด สวด พึงปรับอาบัติตามธรรม.              .... ในบริษัทที่ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสีย ฐานไม่กระทำคืนอาบัติ นั่งอยู่ด้วย ....              ไม่พึงสวดปาติโมกข์ ในบริษัทที่ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ยกเสียฐานไม่สละคืนทิฏฐิอันลามกนั่ง อยู่ด้วย รูปใดสวด พึงปรับอาบัติตามธรรม.              ไม่พึงสวดปาติโมกข์ในบริษัทที่บัณเฑาะก์นั่งอยู่ด้วย รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ.              ไม่พึงสวดปาติโมกข์ ในบริษัทที่คนลักเพศนั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่ภิกษุเข้ารีดเดียรถีย์นั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่คนคล้ายสัตว์ดิรัจฉานนั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่คนฆ่ามารดานั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่คนฆ่าบิดานั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่คนฆ่าพระอรหันต์นั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่คนประทุษร้ายภิกษุณีนั่งอยู่ด้วย ....              .... ภิกษุผู้ทำลายสงฆ์นั่งอยู่ด้วย ....              .... ที่คนผู้ทำร้ายพระศาสดาจนถึงห้อพระโลหิตนั่งอยู่ด้วย ....              ไม่พึงสวดปาติโมกข์ ในบริษัทที่อุภโตพยัญชนกนั่งอยู่ด้วย รูปใดสวด ต้องอาบัติทุกกฏ.              [๒๐๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ไม่พึงทำอุโบสถ ด้วยการให้ปาริสุทธิค้างคราว เว้นแต่ บริษัทยังไม่ลุกไป.              [๒๐๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ไม่พึงทำอุโบสถ ในกาลมิใช่วันอุโบสถ เว้นแต่ วันสังฆสามัคคี.

เรื่องทรงอนุญาตสัตตาหกรณียะ
ทายกสร้างวิหารเป็นต้นถวาย
             [๒๑๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในพระนครราชคฤห์ ตามพระพุทธาภิรมย์ แล้ว เสด็จจาริกไปทางพระนครสาวัตถี เสด็จจาริกไปโดยลำดับ ลุถึงพระนครสาวัตถี. ทราบว่า พระองค์ประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถีนั้น.              ก็โดยสมัยนั้นแล อุบาสกชื่ออุเทนได้ให้สร้างวิหารอุทิศต่อสงฆ์ไว้ในโกศลชนบท. เขาได้ส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายจงมา ข้าพเจ้าปรารถนา จะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย.              ภิกษุทั้งหลายตอบไปอย่างนี้ว่า ท่านอุบาสก พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ว่า ภิกษุ จำพรรษา ไม่อยู่ให้ตลอด ๓ เดือนต้น หรือ ๓ เดือนหลัง ไม่พึงหลีกไปสู่จาริก ขออุบาสก อุเทนจงรอชั่วระยะเวลาที่ภิกษุทั้งหลายจำพรรษา ออกพรรษาแล้วจึงจักไปได้ แต่ถ้าท่านจะมี กรณียกิจรีบด่วน จงให้ประดิษฐานวิหารไว้ในสำนักภิกษุเจ้าถิ่น ในโกศลชนบทนั้นนั่นแหละ.              อุบาสกอุเทนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนเมื่อเราส่งทูตไปแล้ว พระคุณเจ้า ทั้งหลายจึงได้ไม่มาเล่า เราก็เป็นทายก เป็นผู้ก่อสร้าง เป็นผู้บำรุงสงฆ์.              ภิกษุทั้งหลายได้ยินอุบาสกอุเทนเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มีพระภาค.              ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถาในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น แล้วรับสั่งกะ ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคล ๗ จำพวกส่งทูตมา เราอนุญาตให้ไปด้วย สัตตาหกรณียะได้ แม้เมื่อเขาไม่ส่งมา เราไม่อนุญาต บุคคล ๗ จำพวก คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณร สามเณรี อุบาสก อุบาสิกา ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคล ๗ จำพวกนี้ ส่งทูตมา เราอนุญาตให้ไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งมา เราไม่อนุญาต พึงกลับ ใน ๗ วัน.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุบาสกในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์. ถ้าเขาส่งทูตไปใน สำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย. เมื่อเขาส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสกในศาสนานี้ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียวอุทิศสงฆ์ ....              .... ได้ให้สร้างเรือนชั้น ....              .... ได้ให้สร้างเรือนโล้น ....              .... ได้ให้สร้างถ้ำ ....              .... ได้ให้สร้างบริเวณ ....              .... ได้ให้สร้างซุ้ม ....              .... ได้ให้สร้างโรงฉัน ....              .... ได้ให้สร้างโรงไฟ ....              .... ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างวัจจกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างที่จงกรม ....              .... ได้ให้สร้างโรงจงกรม ....              .... ได้ให้สร้างบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างโรงน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างสระโบกขรณี ....              .... ได้ให้สร้างมณฑป ....              .... ได้ให้สร้างอาราม ....              .... ได้ให้สร้างอารามวัตถุ ....              ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ข้าพเจ้า ปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย. เมื่อเขาส่งทูตมา พึงไปด้วย สัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งมาก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสกในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศภิกษุมากรูปด้วยกัน ....              .... ได้ให้สร้างวิหารอุทิศภิกษุรูปหนึ่ง ....              .... ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียว ....              .... ได้ให้สร้างเรือนชั้น ....              .... ได้ให้สร้างเรือนโล้น ....              .... ได้ให้สร้างถ้ำ ....              .... ได้ให้สร้างบริเวณ ....              .... ได้ให้สร้างซุ้ม ....              .... ได้ให้สร้างโรงฉัน ....              .... ได้ให้สร้างโรงไฟ ....              .... ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างวัจจกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างที่จงกรม ....              .... ได้ให้สร้างโรงจงกรม ....              .... ได้ให้สร้างบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างโรงน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างสระโบกขรณี ....              .... ได้ให้สร้างมณฑป ....              .... ได้ให้สร้างอาราม ....              .... ได้ให้สร้างอารามวัตถุ ....              ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ข้าพเจ้า ปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย. เมื่อเขาส่งทูตมา พึงไปด้วย สัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็อุบาสกในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศภิกษุณีสงฆ์ ....              .... อุทิศภิกษุณีมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศภิกษุณีรูปหนึ่ง ....              .... อุทิศสิกขมานามากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศสิกขมานารูปหนึ่ง ....              .... อุทิศสามเณรมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศสามเณรรูปหนึ่ง ....              .... อุทิศสามเณรีมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศสามเณรีรูปหนึ่ง ....              .... ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียว ....              .... ได้ให้สร้างเรือนชั้น ....              .... ได้ให้สร้างเรือนโล้น ....              .... ได้ให้สร้างถ้ำ ....              .... ได้ให้สร้างบริเวณ ....              .... ได้ให้สร้างซุ้ม ....              .... ได้ให้สร้างโรงฉัน ....              .... ได้ให้สร้างโรงไฟ ....              .... ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างวัจจกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างที่จงกรม ....              .... ได้ให้สร้างโรงจงกรม ....              .... ได้ให้สร้างบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างสระโบกขรณี ....              .... ได้ให้สร้างมณฑป ....              .... ได้ให้สร้างอาราม ....              .... ได้ให้สร้างอารามวัตถุ. ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนา พระคุณเจ้าทั้งหลายมา ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบภิกษุทั้งหลาย เมื่อเขา ส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อเขาไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสกในศาสนานี้ได้ให้สร้างนิเวศน์เพื่อประโยชน์ตน ....              .... ได้ให้สร้างเรือนนอน ....              .... ได้ให้สร้างโรงเก็บของ ....              .... ได้ให้สร้างร้าน ....              .... ได้ให้สร้างโรงกลม ....              .... ได้ให้สร้างร้านค้า ....              .... ได้ให้สร้างโรงร้านค้า ....              .... ได้ให้สร้างเรือนชั้น ....              .... ได้ให้สร้างเรือนโล้น ....              .... ได้ให้สร้างถ้ำ ....              .... ได้ให้สร้างบริเวณ ....              .... ได้ให้สร้างซุ้ม ....              .... ได้ให้สร้างโรงฉัน ....              .... ได้ให้สร้างโรงไฟ ....              .... ได้ให้สร้างโรงครัว ....              .... ได้ให้สร้างวัจจกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างที่จงกรม ....              .... ได้ให้สร้างบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างสระโบกขรณี ....              .... ได้ให้สร้างมณฑป ....              .... ได้ให้สร้างอาราม ....              .... ได้ให้สร้างอารามวัตถุ อนึ่ง จะมีการมงคลแก่บุตรก็ดี จะมีการมงคลแก่ธิดาก็ดี เขาเจ็บไข้ก็ดี จะกล่าวพระสุตตันตะที่รู้เฉพาะก็ดี. ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา จักได้เรียนพระสุตตันตะนี้ไว้ โดยวิธีที่พระสุตตันตะนี้ จะไม่เสื่อมสูญไปเสีย หรือว่าเขามีกิจหรือกรณียะ อย่างใดอย่างหนึ่งก็ดี. ถ้าเขาส่งทูตไป ในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย. เมื่อเขาส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหะกรณียะได้ แต่เมื่อ เขาไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสิกาในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์. ถ้าเขาส่งทูต ไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระผู้เป็นเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย. เมื่อนางส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อนาง ไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสิกาในศาสนานี้ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียวอุทิศสงฆ์ ....              .... ได้ให้สร้างเรือนชั้น ....              .... ได้ให้สร้างเรือนโล้น ....              .... ได้ให้สร้างถ้ำ ....              .... ได้ให้สร้างบริเวณ ....              .... ได้ให้สร้างซุ้ม ....              .... ได้ให้สร้างโรงฉัน ....              .... ได้ให้สร้างโรงไฟ ....              .... ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างวัจจกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างที่จงกรม ....              .... ได้ให้สร้างโรงจงกรม ....              .... ได้ให้สร้างบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างสระโบกขรณี ....              .... ได้ให้สร้างมณฑป ....              .... ได้ให้สร้างอาราม ....              .... ได้ให้สร้างอารามวัตถุ. ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนา พระคุณเจ้าทั้งหลายมา ข้าพเจ้าปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย. เมื่อนาง ส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อนางไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสิกาในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศภิกษุมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศภิกษุรูปหนึ่ง ....              .... อุทิศภิกษุณีสงฆ์ ....              .... อุทิศภิกษุณีมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศภิกษุณีรูปหนึ่ง ....              .... อุทิศสิกขมานามากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศสิกขมานารูปหนึ่ง ....              .... อุทิศสามเณรมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศสามเณรรูปหนึ่ง ....              .... อุทิศสามเณรีมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศสามเณรีรูปหนึ่ง ....              .... ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียว ....              .... ได้ให้สร้างเรือนชั้น ....              .... ได้ให้สร้างเรือนโล้น ....              .... ได้ให้สร้างถ้ำ ....              .... ได้ให้สร้างบริเวณ ....              .... ได้ให้สร้างซุ้ม ....              .... ได้ให้สร้างโรงฉัน ....              .... ได้ให้สร้างโรงไฟ ....              .... ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างวัจจกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างที่จงกรม ....              .... ได้ให้สร้างโรงจงกรม ....              .... ได้ให้สร้างบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างสระโบกขรณี ....              .... ได้ให้สร้างมณฑป ....              .... ได้ให้สร้างอาราม ....              .... ได้ให้สร้างอารามวัตถุ. ถ้านางส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระ- *คุณเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย. เมื่อนางส่ง ทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อนางไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง อุบาสิกาในศาสนานี้ได้ให้สร้างนิเวศน์ เพื่อประโยชน์ตน ....              .... ได้ให้สร้างเรือนนอน ....              .... ได้ให้สร้างโรงเก็บของ ....              .... ได้ให้สร้างร้าน ....              .... ได้ให้สร้างโรงกลม ....              .... ได้ให้สร้างร้านค้า ....              .... ได้ให้สร้างโรงร้านค้า ....              .... ได้ให้สร้างเรือนชั้น ....              .... ได้ให้สร้างเรือนโล้น ....              .... ได้ให้สร้างถ้ำ ....              .... ได้ให้สร้างบริเวณ ....              .... ได้ให้สร้างซุ้ม ....              .... ได้ให้สร้างโรงฉัน ....              .... ได้ให้สร้างโรงไฟ ....              .... ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างวัจจกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างที่จงกรม ....              .... ได้ให้สร้างโรงจงกรม ....              .... ได้ให้สร้างบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างโรงน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างโรงเรือนไฟ ....              .... ได้ให้สร้างสระโบกขรณี ....              .... ได้ให้สร้างมณฑป ....              .... ได้ให้สร้างอาราม ....              .... ได้ให้สร้างอารามวัตถุ อนึ่ง จะมีการมงคลแก่บุตรก็ดี จะมีการมงคลแก่ธิดาก็ดี เขา เจ็บไข้ก็ดี จะกล่าวพระสุตตันตะที่รู้เฉพาะก็ดี. ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขอ อาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา จักได้เรียนพระสุตตันตะนี้ไว้ โดยวิธีที่พระสุตตันตะนี้จะไม่เสื่อมสูญ ไปเสีย หรือว่า เขามีกิจ หรือกรณียะอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี. ถ้าเขาส่งทูตไปในสำนักภิกษุ ทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็น ภิกษุทั้งหลาย. เมื่อนางส่งทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อนางไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.              ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์ ....              .... ภิกษุณีได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์ ....              .... สิกขมานาได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์ ....              .... สามเณรได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์ ....              .... สามเณรีได้ให้สร้างวิหารอุทิศสงฆ์ ....              .... อุทิศภิกษุมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศภิกษุรูปหนึ่ง ....              .... อุทิศภิกษุณีสงฆ์ ....              .... อุทิศภิกษุณีมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศภิกษุณีรูปหนึ่ง ....              .... อุทิศสิกขมานามากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศสิกขมานารูปหนึ่ง ....              .... อุทิศสามเณรมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศสามเณรรูปหนึ่ง ....              .... อุทิศสามเณรีมากรูปด้วยกัน ....              .... อุทิศสามเณรีรูปหนึ่ง ....              ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง สามเณรีในศาสนานี้ได้ให้สร้างวิหารเพื่อประโยชน์ตน ....              .... ได้ให้สร้างเรือนมุงแถบเดียว ....              .... ได้ให้สร้างเรือนชั้น ....              .... ได้ให้สร้างเรือนโล้น ....              .... ได้ให้สร้างถ้ำ ....              .... ได้ให้สร้างบริเวณ ....              .... ได้ให้สร้างซุ้ม ....              .... ได้ให้สร้างโรงฉัน ....              .... ได้ให้สร้างโรงไฟ ....              .... ได้ให้สร้างกัปปิยกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างวัจจกุฎี ....              .... ได้ให้สร้างที่จงกรม ....              .... ได้ให้สร้างโรงจงกรม ....              .... ได้ให้สร้างบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างโรงบ่อน้ำ ....              .... ได้ให้สร้างสระโบกขรณี ....              .... ได้ให้สร้างมณฑป ....              .... ได้ให้สร้างอาราม ....              .... ได้ให้สร้างอารามวัตถุ. ถ้านางส่งทูตไปในสำนักภิกษุทั้งหลายว่า ขออาราธนาพระ- *คุณเจ้าทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟังธรรม และพบเห็นภิกษุทั้งหลาย. เมื่อนางส่ง ทูตมา พึงไปด้วยสัตตาหกรณียะได้ แต่เมื่อนางไม่ส่งมา ก็ไม่พึงไป พึงกลับใน ๗ วัน.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น